Deep Fusion คือระบบประมวลผลภาพถ่าย ช่วยให้ภาพถ่ายในที่แสงปานกลางจนถึงแสงน้อยออกมาดูคมชัดสวยงามมากยิ่งขึ้น
ภาพถ่ายแสงปานกลางจนถึงน้อยคือภาพที่ถ่ายในห้องหรืออาคารที่มีแสงสว่างพอประมาณ แต่ไม่สว่างจ้าเหมือนกลางแจ้ง ไม่มืดเท่าเวลากลางคืน ซึ่งไม่เหมาะกับการเลือกใช้โหมดกลางคืน (Night Mode) เพราะยังมีแสงสว่างในระดับหนึ่ง เพียงแต่ไม่มากพอจนทำให้บางจุดของภาพมืดไปบ้าง
ตัวอย่างภาพถ่ายด้วย Deep Fusion
หลักการทำงานของ Deep Fusion มีดังนี้
- เมื่อกดถ่ายรูป กล้องจะถ่ายภาพ 3 ภาพด้วยความเร็วชัตเตอร์สูงเพื่อจับภาพในเสี้ยววินาทีนั้นไว้ จากนั้นก็จะถ่ายภาพอีกภาพด้วยความเร็วชัตเตอร์ที่ต่ำกว่าเดิมเพื่อเก็บแสงได้นานมากขึ้น ยิ่งความเร็วชัตเตอร์ต่ำ ยิ่งเก็บแสงได้มากขึ้น แต่เมื่อเปิดความเร็วซัตเตอร์ช้า ภาพก็มีโอกาสสั่นไหวมากกว่า (จึงต้องทำมารวมกับภาพอื่นที่ชัดกว่า)
- ระบบก็จะนำภาพถ่ายธรรมดาทั้ง 3 ภาพ และภาพความเร็วชัตเตอร์ต่ำ 1 ภาพ (รวมทั้งหมดเป็น 4 ภาพ) มารวมกันเพื่อให้ได้ภาพที่ดีที่สุด 1 ภาพ ซึ่ง Apple เรียกว่า ‘synthetic long’
- จากนั้น Deep Fusion จะเลือกภาพถ่ายด้วยความเร็วปกติที่มีรายละเอียดของภาพสมบูรณ์ที่สุด เพื่อรวมเข้ากับภาพ ‘synthetic long’ และปรับจุดแตก ๆ เบลอ ๆ (noise) ในภาพให้สมบูรณ์ขึ้น ซึ่งวิธีนี้ต่างจาก HDR เพราะ Deep Fusion รวมภาพแค่ 2 ภาพเท่านั้น แต่ HDR คือการรวมภาพ 3 ภาพ โดยเลือกเอาจุดที่ดีที่สุดมารวมกัน
- ระบบทำการประมวลภาพแบบอีกเอียดครั้ง พิกเซลต่อพิกเซล ทั้งโทนสีและความสว่าง
- จากนั้นจึงได้ภาพที่สำเร็จออกมาสู่คุณ
หากคุณเข้าไปดูรูปใน Camera Roll ทันทีหลังถ่ายภาพ จะเห็นภาพทั้งหมดปรากฏอยู่ในนั้น เพราะต้องใช้เวลาสักครู่ในการประมวลผลแบบ Deep Fusion ซึ่งกินเวลานานกว่า HDR เล็กน้อย นอกจากนี้ภาพแบบ Deep Fusion ไม่สามารถใช้งานในโหมดถ่ายภาพแบบต่อเนื่องหลาย ๆ ภาพได้
Deep Fusion มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ iOS 13.2 และสามารถใช้งานได้เฉพาะ iPhone 11, iPhone 11 Pro และ iPhone 11 Pro Max เท่านั้น
ที่มา 9to5mac.com