Apple ประกาศว่า iOS 17 จะเพิ่มฟีเจอร์ Accessibility หรือ ‘การช่วยการเข้าถึง’ ที่เน้นด้านการรับรู้ ซึ่งมีทั้ง Live Speech, Personal Voice และ Point and Speak ในแอพแว่นขยาย รออัพเดตใหม่ได้เร็ว ๆ นี้!
ฟีเจอร์ Accessibility หรือ ‘การช่วยการเข้าถึง’ ตัวใหม่นี้จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงแก่ผู้มีปัญหาด้านการมองเห็น การรับรู้ หรือปัญหาร่างกายด้านอื่น ๆ ให้สามารถเข้าถึงการใช้งานของอุปกรณ์ iPhone และ iPad ได้อย่างง่ายดาย รวมไปถึงเข้าถึงเนื้อหาต่าง ๆ ได้ และใช้ชีวิตประจำวันได้ง่ายมากยิ่งขึ้นและเป็นอิสระมากขึ้น
ปีนี้ Apple เน้นไปที่ฟีเจอร์ Live Speech, Personal Voice และ Point and Speak ในแอพแว่นขยาย ที่ช่วยเหลือผู้ที่เริ่มสูญเสียความสามารถในการพูดและการมองเห็นเสื่อมถอยลง
Assistive Access
คุณสามารปรับแต่งโทรศัพท์และ FaceTime ให้กลายเป็นแอพการโทรเพียงหนึ่งเดียว ส่วนแอพอื่น ๆ อย่างเช่น แอพข้อความ กล้อง รูปภาพ และเพลง ก็จะมีหน้าตาที่ดูง่ายขึ้น เพราะ Interface จะเปลี่ยนไป เห็นปุ่มชัดเจนมากขึ้นเพราะปรับให้เป็นปุ่มแบบที่มีคอนทราสต์สูงมากขึ้น ที่สำคัญเลยก็คือตัวอักษรมีขนาดใหญ่มากขึ้นด้วย
นอกจากนี้คุณยังปรับแต่ง Interface ได้เอง เช่น หากชอบสื่อสารด้วยภาพ แอพข้อความจะมีคีย์บอร์ดที่มีอีโมจิเพียงอย่างเดียวและจะมีตัวเลือกสำหรับบันทึกข้อความเป็นวิดีโอได้ง่ายขึ้น
ส่วนเลย์เอาต์ คุณก็เลือกได้เองเช่นกัน ระหว่างเลย์เอาต์แบบกริดที่เห็นหน้าจอ Home และแอพต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน หรือเลือกเลย์เอาต์แบบเถวหากว่าชอบเลย์เอาต์แบบข้อความมากกว่า
Live Speech
Live Speech คือหนึ่งในฟีเจอร์ Accessibility ที่ช่วยการเข้าถึงด้านการพูด ออกแบบมาเพื่อรองรับผู้ที่พูดไม่ได้หรือผู้ที่ความสามารถด้านการพูดเริ่มถดถอยไปตามเวลา คุณสามารถพูดแล้วให้ iPhone, iPad พิมพ์ข้อความนั้น ๆ แทนคุณในระหว่างที่คุณใช้โทรศัพท์หรือใช้ FaceTime อยู่ หรือแม้แต่ตอนสนทนาต่อหน้า และยังบันทึกบทสนทนาสั้น ๆ ที่ใช้บ่อย ๆ เอาไว้ใช้ในภายหลังเพื่อให้สามารถพูดโต้ตอบและสอดแทรกขึ้นมาอย่างรวดเร็วได้
Personal Voice
Personal Voice อีกฟีเจอร์หนึ่งที่ออกแบบมาสำหรับผู้ที่เสี่ยงจะสูญเสียความสามารถในการพูดจากอาการป่วยต่าง ๆ เช่น โรค ALS (Amyotrophic Lateral Sclerosis) หรือรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือโรคอื่น ๆ
ฟีเจอร์เด่น ๆ ก็คือ คุณสามารถสร้าง Personal Voice ด้วยการอ่านชุดข้อความที่จะปรากฏขึ้นแบบสุ่มเพื่อ บันทึกเสียง 15 นาทีบน iPhone หรือ iPad แล้วจากนั้นฟีเจอร์นี้จะสร้างเสียงที่เหมือนกับเสียงของคุณขึ้นมาและผสานเข้ากับ Live Speech อย่างกลมกลืน เพื่อให้คุณสามารถพูดโดยใช้ Personal Voice เพื่อติดต่อกับบุคคลอื่นได้
Point and Speak ในแอพแว่นขยาย
Point and Speak ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ซึ่งตาบอดหรือสายตาเลือนราง เพื่อให้พวกเขาสามารถมองเห็นและตอบโต้กับสิ่งของต่าง ๆ ที่มีข้อความหลาย ๆ ข้อความอยู่ด้านบน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า
Point and Speak ในแอพแว่นขยายจะใช้ข้อมูลจากแอพกล้อง สแกนเนอร์ LiDAR และ Machine Learning อ่านข้อความบนแต่ละปุ่มของเครื่องใช้ฟฟ้าขณะที่ผู้เลื่อนนิ้วไปบนปุ่มกดแต่ละปุ่ม
ฟีเจอร์ Point and Speak นี้ยังใช้ร่วมกับฟีเจอร์อื่น ๆ ของแว่นขยายได้ด้วย เช่น การตรวจหาผู้คน การตรวจจับประตู และคำอธิบายภาพ เพื่อช่วยผู้ใช้ใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมรอบตัวได้ด้วยตัวเอง
ฟีเจอร์อื่น ๆ ที่น่าสนใจ
- อุปกรณ์ช่วยฟัง Made for iPhone จับคู่กับ Mac ได้โดยตรง และยังปรับแต่งค่าต่าง ๆ เพื่อให้รับฟังได้อย่างสบาย
- สั่งการด้วยเสียง เพิ่มคำแนะนำในการออกเสียงสำหรับการแก้ไขข้อความ เพื่อให้เลือกคำที่ถูกต้องจากคำที่ฟังคล้ายกัน อย่างเช่น do, due และ dew และเพิ่มคู่มือและเคล็ดลับการสั่งการด้วยเสียงบน iPhone, iPad และ Mac
- การควบคุมสวิตช์ ผู้พิการด้านร่างกายและการเคลื่อนไหวเปลี่ยนสวิตช์อันใดก็ได้ให้เป็นตัวควบคุมการเล่นเกมแบบเสมือนจริง เพื่อให้เล่นเกมบน iPhone และ iPad ได้ง่ายและสะดวกขึ้น
- ขนาดข้อความ ปรับขนาดข้อความบนทุกแอพของ Mac อย่างเช่น Finder ข้อความ เมล ปฏิทิน และโน้ต ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
- หยุดภาพที่มีองค์ประกอบการเคลื่อนไหว หรือ GIF ได้ชั่วคราว ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้ซึ่งอ่อนไหวต่อภาพเคลื่อนไหวเร็ว ๆ
- VoiceOver เสียงของ Siri ฟังเป็นธรรมชาติและชัดเจนมากขึ้นแม้ในการพูดตอบกลับด้วยความเร็วสูง และปรับแต่งอัตราการพูดของ Siri ได้โดยมีตัวเลือกตั้งแต่ 0.8x ถึง 2x
ที่มา apple.com