Health อีกหนึ่งแอพสำหรับคนรักสุขภาพก็ได้รับการอัพเดต เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ ด้วยเช่นกัน ทั้งการติดตามสภาพอารมณ์ การดูแลสุขภาพจิต สายตา การแจ้งเตือนกินยา และอื่น ๆ
การติดตามอารมณ์ (Mood Tracking)
ใน iOS 17 นี้ Apple ได้เพิ่มฟีเจอร์ State of Mind หรือ ‘สภาพจิตใจ’ เข้าไปในแอพ Health ซึ่งออกแบบมาเพื่อติดตามอารมณ์ของคุณในแต่ละวัน เพื่อแสดงภาพใหญ่ของสภาพจิตใจโดยรวมของคุณ
การบันทึกอารมณ์จะมีสไลด์บาร์ให้เลือกระดับอารมณ์ตั้งแต่ Very Unpleasant (ไม่พอใจมาก) ไปจนถึง Neutral (เฉย ๆ) เรื่อยไปจน Pleasant (พอใจ) โดยสีของไม่พอใจมากจะเป็นสีม่วง เฉย ๆ เป็นสีฟ้า ส่วนพอใจจะเป็นส้ม และวิธีบันทึกระดับอารมณ์ก็เพียงแค่ลากสไลด์บาร์ไปยังตัวบ่งบอกระดับอารมณ์ทางซ้ายหรือขวาให้ตรงกับอารมณ์ที่คุณรู้สึกที่สุด
หลังจากเลื่อนสไลด์บาร์บอกระดับอารมณ์แล้ว Apple ยังขอให้คุณระบุลงไปชัด ๆ ว่าคุณรู้สึกอย่างไร โดยจะมีรายการความรู้สึกให้คุณเลือก เช่น ในระดับความรู้สึก Very Pleasant (พอใจมาก) จะมีตัวเลือกด้านความรู้สึกให้เลือกอีกคือ Amazed (มหัศจรรย์), Peaceful (สุขสงบ), Joyful (สนุกมาก) และ Calm (สงบ) หรือในโหมด Very Unpleasant (ไม่พอใจมาก) ก็จะมีตัวเลือกอย่างเช่น Angry (โกรธ), Sad (เศร้า, Drained (หมดพลัง) และ Stressed (เครียด) และหากเป็น Neutral (เฉย ๆ) ก็มีตัวเลือกอย่าง Peaceful (สุขสงบ), Indifferent (เฉย ๆ ไม่มีอะไรพิเศษ) และ Content (พอใจ)
แต่ทั้งนี้คุณไม่อยากพิมพ์ความรู้สึกตัวเองลงไปเองได้ ต้องเลือกจากสิ่งที่ Apple มีให้ซึ่งมีให้เลือกหลายสิบความรู้สึก จึงน่าจะมีสักระดับอารมณ์ที่ใกล้เคียงกับที่คุณรู้สึกได้จริง ๆ
เมื่อเลือกระดับอารมณ์และระบุประเภทอารมณ์แล้ว Apple ยังให้คุณระบุด้วยว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้อารมณ์เป็นเช่นนั้น ซึ่งตัวเลือกก็จะมีทั้ง สุขภาพ ฟิตเนส ครอบครัว เพื่อน คู่ชีวิต การเดต อากาศ เงิน และสถานะการณ์ปัจจุบัน แต่…คุณก็ต้องเลือกรายการที่ Apple มีให้เสียก่อน ถึงจะสามารถพิมพ์เนื้อหาเพิ่มเติมเข้าไปได้
คุณสามารถดูชาร์ตอารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ ย้อนหลังได้ โดยเลือกดูเป็นรายสัปดาห์ รายเดือน รายหกเดือน หรือรายปี และคุณยังสามารถกดเข้าไปดู State (สถานะทางอารมณ์), Associations (ความสัมพันธ์) และ Life Factor (ปัจจัยในชีวิต) ซึ่งเป็นสิ่งที่ส่งผลต่ออารมณ์ได้ เพื่อดูว่าสิ่งใดส่งผลต่ออารมณ์ของคุณมากที่สุดและเป็นไปทางทิศทางใด
คุณสามารถดูได้ว่าอะไรเป็นสาเหตุหรือทำให้คุณมีความสุขได้ โดยแอพจะแสดงให้เห็นทุกรายการเหล่านั้นตามความสัมพันธ์ หมวดหมู่ และตัวแปรต่าง ๆ เช่น งาน หรือความสัมพันธ์
Apple ยังเก็บข้อมูล Life Factor (ปัจจัยในชีวิต) มาแสดงเป็นรูปแบบให้เห็นว่าการกระทำเหล่านั้นส่งผลอย่างไรต่ออารมณ์ของคุณบ้าง ซึ่ง Life Factor เหล่านี้รวมถึงการจำนวนนาทีที่ออกกำลังกาย ที่คุณฝึกสมาธิ ที่คุณนอน ที่คุณใช้เวลาท่ามกลางแสดงแดด
Apple จะเปรียบเทียบอารมณ์กับจำนวนเวลาที่คุณออกกำลังกายและจำนวนเวลาที่คุณทำกิจกรรมอื่น ๆ ให้เห็นอีกด้วย ดังนั้นคุณจึงวิเคราะห์ได้ว่าหากคุณใช้เวลาออกกำลังกายหรือทำสมาธิจะส่งผลต่ออารมณ์โดยรวมของคุณอย่างไร
แบบสอบถามสุขภาพจิต (Mental Health Questionnaires)
ในส่วนของ Mental Wellbeing หรือ ‘การมีสุขภาวะทางจิตที่ดี’ ในแอพ Health มีแบบสอบถามช่วยคัดกรองความวิตกกังวลแะความซึมเศร้าเพื่อให้คุณนำข้อมูลไปคุยกับแพทย์ได้ ซึ่งเครื่องคัดกรองตัวนี้เป็นแบบที่คุณหมอใช้ และพวกเขาจะถามคำถามที่เกี่ยวกับความรู้สึกของคุณในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
การทำแบบสอบถามเหล่านี้จะช่วยแจกแจงว่าคุณมีความเสี่ยงว่าจะมีภาวะวิตกกังวลและซึมเศร้าหรือไม่ โดยจะแยกออกมาเป็นชาร์ตความเสี่ยงที่ดูเข้าใจง่ายเพียงมองในครั้งเดียว เพื่อให้คุณรู้ว่าคุณควรใส่ใจคุณภาพจิตใจมากขึ้นหรือควรขอความช่วยเหลือจากคุณหมอในช่วงไหนของปีบ้าง
สุขภาพดวงตา (Eye Health)
Apple ได้เพิ่มเครื่องมือที่ช่วยเรื่องสุขภาพดวงตาเข้ามาใน iOS 17 โดยเน้นที่เด็ก ๆ เป็นหลัก แต่ทุกคนก็ใช้ได้ ฟีเจอร์ที่ว่านี้อยู่ใน Screen Time เรียกว่า Screen Distance หรือ ‘ระยะห่างหน้าจอ’ เพื่อไม่ให้ดวงตาทำงานหนักเกินไป โดยกันไม่ให้คุณจ้องหน้าจอ iPhone, iPad ใกล้เกินไป
หากว่า iPhone หรือ iPad ของคุณอยู่ใกล้เกินไป มันจะแจ้งเตือนว่าต้องขยับหน้าจอให้ไกลออกไปอีกหน่อย Apple แนะนำว่าระยะที่เหมาะสมคือ 12 นิ้วจากดวงตาของคุณ และยังจะช่วยแนะนำว่าควรถืออุปกรณ์อย่างไรถึงจะเหมาะสมและตาไม่ทำงานหนักเกินไป
เวลาที่ใช้กลางแจ้ง (Time in Daylight)
Apple Watch สามารถวัดจำนวนเวลาที่คุณใช้กลางแจ้งได้ ซึ่งฟีเจอร์นี้ก็เป็นอีกฟีเจอร์หนึ่งที่ออกแบบมาเพื่อเด็ก ๆ เช่นกัน มีงานวิจัยว่าการใช้เวลากลางแจ้ง 80-120 นาทีต่อวันกลางแจ้งช่วยลดความเสี่ยงภาวะสายตาสั้น
Apple บอกว่ากลางแจ้งยังมีประโยชน์กับผู้ใหญ่ด้วยเช่นกัน หากว่าพวกเขาใช้เวลากลางแจ้ง 20 นาทีต่อวันมีประโยชน์กับสุขภาพกายและใจเป็นอย่างมาก นอกจากนี้การจับคู่กับ Apple Watch ที่ใช้ระบบ watchOS 10 ด้วย แอพ Health จะช่วยบอกได้ว่าคุณใช้เวลากลางแจ้งไปนานแค่ไหน และระยะเวลาในการใช้เวลากลางแจ้งก็เป็นอีกหนึ่งมาตรวัดที่เพื่อตรวจสอบ Mental Wellbeing หรือ ‘การมีสุขภาวะทางจิตที่ดี’ อีกด้วย
การกินยา (Medications)
Apple เพิ่ม Follow Up Reminder หรือ ‘การแจ้งเตือนแบบติดตาม’ สำหรับการแจ้งเตือนการกินยา (Medications) ซึ่งคุณติดตามผ่านแอพ Health หากว่าคุณไม่ได้บันทึกว่ากินยาแล้วภายในเวลา 30 นาทีหลังได้รับการแจ้งเตือนอย่างเป็นทางการ คุณสามารถบันทึกใหม่อีกหนได้เมื่อได้รับการแจ้งเตือนครั้งที่สอง ดังนั้นคุณจะไม่พลาด ไม่ลืมกินยาอย่างแน่นอน
นอกจากนี้คุณยังสามารถเปิดใช้งาน Critical Alerts หรือ ‘แจ้งเตือนฉุกเฉิน’ ได้ ซึ่งการแจ้งเตือนนั้นจะปรากฏอยู่บนหน้าจอและส่งเสียงแจ้งเตือน แม้ว่าคุณจะเปิดโหมดโฟกัส (Focus) หรือปิดเสียงเครื่องเอาไว้ก็ตาม
แอพ Health สำหรับ iPad
แอพ Health จำกัดเฉพาะ iPhone ตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรก ๆ แต่พอมี iPadOS 17 แอพนี้ก็สามารถใช้งานบน iPad ได้แล้ว แต่ว่าแอพนี้บน iPad จะไม่ได้เอาไว้เก็บข้อมูลสุขภาพ แต่สามารถแสดงข้อมูลทั้งหมดที่คุณเก็บผ่าน iPhone หรืออุปกรณ์อื่น ๆ เพื่อให้เห็นข้อมูลได้อย่างชัดเจน
ข้อมูลทั้งหมดเป็นข้อมูลเดียวกันกับที่แสดงอยู่บน iPhone แต่ว่าอยู่ในขนาดของ iPad คือใหญ่เต็มตา และ Navigation bar ก็จะย้ายมาอยู่ตรงด้านซ้ายของหน้าจอ
ที่มา macrumors.com