Apple เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ ให้กับแอพ Health และ Fitness เยอะมาก เช่น ติดตามการกินยา เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะไม่ลืมกินยาแม้สักครั้งเดียว ทั้งยังออกแบบให้ทำงานร่วมกับ Apple Watch ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย
ติดตามการกินยา (Medication Tracking)
ฟีเจอร์ ‘ติดตามการกินยา’ หรือ Medication Tracking ถูกเพิ่มเข้ามาใหม่ในแอพ Health โดยใช้งานได้ด้วยการเข้าไปที่ Browse section แล้วเลื่อนลงไปด้านล่าง ๆ ก็จะเจอกับ Medications หรือจะพิมพ์ชื่อฟีเจอร์ตรงที่แถบการค้นหาในแอพ Health ก็ได้เช่นกัน
ในส่วน Medications นี้คุณสามารถใส่ข้อมูลยาในใบสั่งยาลงไปได้ทั้งหมด รวมไปถึงวิตามินด้วย จากนั้นแอพจะคอยเตือนให้คุณกินยาตามเวลาเหล่านั้น จะได้ไม่พลาดแม้แต่ครั้งเดียว
การเพิ่ม ‘’ยา’ หรือ Medication เข้าไปก็ทำได้ง่ายมาก ๆ เพียงกดที่ปุ่ม Add Medication หรือ ‘เพิ่มยา’ ที่อยู่ในแอพ Health แล้วจากนั้นก็พิมพ์ชื่อยาหรือวิตามินลงไปได้ หรือจะใช้วิธีที่ง่ายกว่านั้นก็คือใช้ iPhone สแกนฉลากยาเลย แต่ฟีเจอร์นี้อาจเก็บข้อมูลยาได้ไม่หมด คุณอาจจะต้องเพิ่มข้อมูงต่าง ๆ เข้าไปเอง เช่น เป็นยาเม็ด สเปรย์ หรืออื่น ๆ
จากนั้นคุณก็ต้องเลือกความสม่ำเสมอที่ต้องกินยาเหล่านั้น คุณสามาระเลือกระบุวันแบบเฉพาะเจาะจง หรือจะเลือกวันไหนของสัปดาห์ หรือตัวเลือกอื่น ๆ ที่ต้องการได้เพราะคุณสามารถตั้งค่าตัวเลือกและเวลาที่ต้องกินยาได้เอง
‘ยา’ หรือ Medications ยังสามารถเลือกรูปทรงและสีของมันได้ด้วย เลือกให้เหมือนกับยาของจริงได้ เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำตอนจะกินยานั่นเอง
แจ้งเตือนให้กินยา (Medication Reminders)
การแจ้งเตือนให้กินยานี้ตั้งถูกจัดลำดับความสำคัญตามการแจ้งเตือนที่มีความสำคัญด้านเวลา มันจะส่งการแจ้งเตือนไปยังคุณตามเวลาที่ตั้งเอาไว้ เว้นแต่ว่าคุณจะตั้งค่าใหม่ทันลงไป
การแจ้งเตือนทั้งหมดจะถูกส่งไปแบบอัตโนมัติ แต่ก็เฉพาะยาและวิตามินที่คุณใส่ค่าวันและเวลาที่ต้องกินยาเหล่านั้น หากคุณไม่ใช่ข้อมูลการกินยาลงไปก็ไม่มีการแจ้งเตือน แต่ถ้าหากใส่เอาไว้ แอพจะแจ้งให้เองอัตโนมัติโดยไม่ต้องตั้งค่าใด ๆ เพิ่มเติม
บันทึกการกินยา (Medication Logging)
เมื่อการแจ้งเตือนเด้งขึ้นไปบนหน้าจอ คุณต้องกดที่ข้อความป๊อปอัพนั้นเพื่อเป็นการบอกว่าคุณได้กินยานั้นแล้วหรือข้ามการกินยาครั้งนั้นไป หรือจะกดเลือก ‘กินทั้งหมดแล้ว’ หากว่าคุณได้กินยาหลาย ๆ อย่างที่ตั้งเวลาเอาไว้พร้อมกันแล้ว ซึ่งข้อมูลบันทึกการกินยานี้จะถูกแสดงเอาไว้ในแอพ Health
แอพ Health สามารถติดตามการกินยาเกินได้ทุกเวลา ข้อมูลจะแสดงทั้งในแบบรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน รายหกเดือน และรายปี
Apple ยังเพิ่มตัวเลือก Highlight ให้กับฟีเจอร์ Medication ใน Health summary ซึ่งคุณจะเห็นเลยว่าคุณกินยาหรือวิตามินสม่ำเสมอแค่ไหนในช่วง 28 วันที่ผ่านมา
แอพ Medication บน Apple Watch (Apple Watch Medication App)
แอพ Medications ใน WatchOS 9 ใช้งานได้ง่ายกว่าเดิม คุณสามารถกดเพียงครั้งเดียวก็บันทึกว่าได้กินยาทั้งหมดที่ต้องกินในเวลานั้นได้ในครั้งเดียว โดยเข้าไปตั้งค่าที่ Log all as Taken หรือ ‘บันทึกว่ากินยาทั้งหมดแล้ว’ ซึ่งหากคุณต้องการบันทึกว่าข้าม ก็สามารถเลือกตัวเลือก Skipped ได้เช่นกัน
แต่ว่า Apple Watch จะสามารถเลือกได้เฉพาะการบันทึกการกินยาเท่านั้น หากต้องจัดการข้อมูลยาต่าง ๆ ต้องทำบนแอพ Health เท่านั้น
ปฏิกิริยาระหว่างยาชนิดต่าง ๆ (Medication Interactions)
แอพ Health จะคอยตรวจสอบให้มั่นใจเสมอว่ายาที่คุณกินเข้าไปนั่นจะไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ กับยาอื่น ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าการกินยารวมกันหลาย ๆ ตัวจะไม่ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ
ผลข้างเคียงของยาและข้อมูลอื่น ๆ (Medication Side Effects and Other Info)
หากว่าคุณกดเข้าไปที่ ‘ยา’ ที่อยู่รายการของแอพ Health คุณสามารถกดปุ่ม ‘Side Effects’ หรือ ‘ผลข้างเคียง’ เพื่อดูข้อมูลของผลข้างเคียงของยานั้น ๆ ได้
ไม่ใช่ยาทุกตัวจะมีข้อมูลผลข้างเคียง ซึ่งข้อมูลเหล่านั้นนำมาจาก Elservier บริษัทสัญชาตเนเธอร์แลนด์ที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องข้อมูลยา และจากหนังสือ Annual ScienceDirect
นำออกข้อมูลยา (Export Medications)
ในส่วนของ Medications ในแอพ Health จะมีตัวเลือก ‘Export Medications List PDF’ หรือนำออกข้อมูลยาเป็นไฟล์ PDF ซึ่งคุณสามารถสร้างไฟล์ PDF ของยาที่คุณกินได้ และยังสามารถแชร์ไฟล์นี้ไปให้คุณหมอได้
ฟีเจอร์การนอน (Sleep Features)
หากคุณสวมใส่ Apple Watch เข้านอนเพื่อติดตามการนอนแล้วละก็ watchOS 9 และ iOS 16 ได้นำฟังก์ชันใหม่เข้ามา นั่นคือบันทึกการนอนจาก Apple Watch ที่จะถูกแบ่งย่อยออกมาเป็น Awake (ตื่น), REM (ช่วงหลับฝัน), Core (Light) (หลับตื้น หรือผล็อยหลับ) และ Deep (หลับลึก) ทำให้คุณมองเห็นคุณภาพการนอนตลอดทั้งคืนได้
การส่งคำเชิญเพื่อแชร์ข้อมูล Health (Health Sharing Invitations)
คุณสามารถเชิญ (Invite) สมาชิกครอบครัวให้มาแชร์ข้อมูลของพวกเขาให้แก่คุณได้ จึงสามารถตรวจสอบและติดตามข้อมูลสุขภาพของสมาชิกสูงวัยหรือสมาชิกรุ่นเด็กของครอบครัวได้ง่ายขึ้น เมื่อได้รับคำเชิญแล้ว พวกเขาสามารถเลือกได้ว่าจะแชร์ข้อมูลอะไรบ้างกับคุณ
ติดตาม Fitness Activity (Fitness Activity Tracking)
ใน iOS 15 คุณต้องมี Apple Watch เพื่อใช้งานแอพ Fitness แต่ว่า iOS 16 ได้เปลี่ยนทุกอย่าง คุณสามารใช้แอพ Fitness ผ่าน iPhone ได้ โดยเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวของ iPhone จะติดตามระดับการเคลื่อนไหนของคุณ
iPhone สามารถประเมินการก้าวเดิน ระยะทางที่เดิน และการออกกำลังกายแบบอื่น เพื่อคำนวณและแสดงปริมาณแคลอรี่ที่คุณเบิร์นออกในแต่ละวัน
แต่ทั้งนี้ หากคุณไม่มี Apple Watch คุณจะถูกจำกัดการใช้ Move goal ไม่มี Exercise และ Stand goal
ที่มา macrumors.com