Facebook ยอมรับกับสมาชิกวุฒิสภาแล้วว่าได้ติดตามตำแหน่งของผู้ใช้งานตลอดเวลาแม้ว่าผู้ใช้งานจะเลือกปิดการแสดงตำแหน่งหรือ Location Services เอาไว้ก็ตาม
โดย Facebook กล่าวว่าระบบใช้วิธี 3 วิธีที่ต่างกันในการติดตามตำแหน่งของผู้ใช้งาน ซึ่งมีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่ต้องพึ่งพาการเปิดตำแหน่งจากผู้ใช้งานหรือ Location Services
Facebook ได้กล่าวไว้ในจดหมายที่ส่งถึงท่านสมาชิกวุฒิสภา Christopher A Coons และ Josh Hawlwey ว่าสามารถดูกิจกรรมของคนเหล่านั้นได้ ซึ่ง The Hill คือผู้เห็นจดหมายนี้ ซึ่งมีเนื้อความดังนี้
แม้ว่าบางคนจะไม่ได้เปิดการแสดงตำแหน่งหรือ Location Services เอาไว้ แต่ Facebook ก็สามารถวะเคราห์ตำแหน่งได้จากข้อมูลต่าง ๆ ที่ผู้ใช้และคนอื่น ๆ ผ่านกิจกรรมหรือการพูดคุยสื่อสารกันผ่านบริการของเรา
ยกตัวอย่าง หากว่าบางคนตอบรับไปงานเทศกาลดนตรีท้องถิ่นบน Facebook หรือมีเพื่อนถ่ายรูปหรือวิดีโอ โพสต์ลง Facebook และเช็กอิน ถ้าหากว่าพวกเขาถูกแท็ก Facebook ก็จะได้ข้อมูลตำแหน่งที่เหมือนว่าพวกเขาอยู่แล้ว เช่นเดียวกับที่บางคนอาจแชร์ตำแหน่งที่พวกเขาอยู่ลงบน Marketplace หรือแม้แต่บันทึกที่อยู่ของตัวเองลงในประวัติส่วนตัว
อุปกรณ์ทุกเครื่องที่ต่ออินเทอร์เนตจะมีหมายเลข IP address เพื่อระบุตัวตนเมื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เนต ซึ่งมันจะทำหน้าที่เสมือนเป็นตำแหน่งบ้านเลขที่สำหรับส่งและรับข้อมูลต่าง ๆ มาและไปจากอุปกรณ์ของคุณ
หากจะพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือเป็นเหมือนบ้านเลขที่บนหน้าซองจดหมาย เพื่อระบุว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้อยู่ที่ตรงไหนในโลกอินเทอร์เนต อุปกรณ์เหล่านี้จำเป็นต้องมีที่อยู่สำหรับส่งและรับข้อมูล
โดยหมายเลข IP address ของอุปกรณ์เคลื่อนที่จะแสดงเฉพาะตำแหน่งเมืองหรือบริเวณที่ที่อุปกรณ์เครื่องนั้นอยู่เมื่อเชื่อมต่อกับเครือข่าย ซึ่งนั้นเป็นเหตุผลว่าทำไม หมายเลข IP address จึงกลายเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้สามารถระบุตำแหน่งได้อย่างแม่นยำ
Facebook จึงกล่าวว่ามันเป็นเรื่องสมเหตุสมผลที่พวกเขาจะเข้าถึงตำแหน่งของผู้ใช้งาน เพื่อจะได้แสดงโฆษณาหรือโพสต์ที่ได้รับการจ่ายเงินให้กับผู้ใช้งานได้อย่างถูกต้อง
ทั้งนี้สมาชิกวุฒิสภาทั้ง 2 ท่านได้วิจารณ์การตอบคำถามเช่นนี้ของ Facebook โดย Coons ได้กล่าวว่า Facebook อ้างว่าผู้ใช้งานสามารถจะเรื่องความเป็นส่วนตัวของตัวเองได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เลย ผู้ใช้งานไม่แม้กระทั่งโอกาสหยุด Facebook ไม่ให้เก็บข้อมูลหรือนำข้อมูลตำแหน่งของพวกเขาไปใช้งาน และชาวอเมริกันสมควรได้รู้ว่าบริษัทเทคโนโลยีใช้งานข้อมูลของพวกเขาอย่างไร และผมจะยังคงเดินหน้าหาเพื่อค้นหาวิธีทางปกป้องข้อมูลอันละเอียดของพวกเราชาวอเมริกัน
ส่วน Hawley ก็ได้ทวีตข้อความที่ว่า เลือกปิดไม่ได้ เราไม่อาจควบคุมข้อมูลส่วนตัวของเราได้เลย นี่ซินะบริษัทเทคโนโลยีอันยิ่งใหญ่ และนี่คือสาเหตุว่าทำไมสภาถึงต้องลงมือเอง
ขณะเดียวกัน Facebook ก็โดน FTC หรือคณะกรรมการการค้าของสหรัฐอเมริกาสั่งห้ามไม่ให้แชร์ข้อมูลกับแอพอื่น ๆ อีกด้วย
ส่วน Apple ก็ถูกโจมตีเรื่องความเป็นส่วนตัวของ iPhone 11 ที่ยังคงเก็บข้อมูลพิกัดแม้ว่าผู้ใช้จะเลือกปิดแชร์ข้อมูลตำแหน่งหรือ Location Services ในทุกบริการของ iOS ไปหมดแล้วก็ตาม แต่หลังจากที่ Apple ออกมาอธิบายและสัญญาว่าจะทำระบบใหม่ซึ่งมีรหัสรักษาความปลอดภัยที่ดีมากออกมา เพื่อปกป้องอุปกรณ์เหล่านั้น
ที่มา 9to5mac.com