ข่าวใหญ่ใน 2-3 วันนี้คงไม่พ้นเรื่องสหภาพยุโรป ข้อบังคับการเปลี่ยนอะแดปเตอร์และสายชาร์จแบบ USB Type-C และผลกระทบต่อ Apple และสายชาร์จ Lightning ที่ใช้อยู่ปัจจุบัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง เพราะมีข่าวถึงขั้นว่าหากไม่เปลี่ยนไปใช้แบบเดียวกันจะห้ามจำหน่ายในประเทศสหภาพยุโรป
ส่วนข่าวจริงตอนนี้จะเป็นอย่าง IGC.IN.TH ขอสรุปให้ฟังดังนี้
สหภาพยุโรปต้องการให้ผู้ผลิตมือถือเปลี่ยนอะแดปเตอร์หรือหัวชาร์จให้กลายเป็นแบบเดียวกันทั้งหมด เพื่อลดปัญหาการใช้อะแดปเตอร์ที่ต่างกันหากใช้มือถือต่างรุ่นกัน เพื่อลดปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย โดยสหภาพยุโรปเริ่มผลักดันมาตั้งแต่ปี 2009
แต่ข่าวเรื่องการผลักดันนี้กลับเพิ่งมาเป็นข่าวดังและมีการสื่อสารผิดพลาดไปเล็กน้อย เพราะหลายคนเข้าใจว่าสหภาพยุโรปต้องการบังคับ Apple ให้เปลี่ยนไปใช้สายชาร์จแบบเดียวกันหมด หรือสายชาร์จ Type-C ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อ iPhone และ iPad บางรุ่นยังใช้สายชาร์จแบบ Lightning อยู่
ซึ่งวันนี้สหภาพยุโรปได้ออกมาชี้แจงแล้วว่าสิ่งที่พวกเขาต้องการใช้เปลี่ยนมาใช้เหมือนกันคืออะแดปเตอร์หรือหัวชาร์จ (Charger) ไม่ใช่สายชาร์จหรือพอร์ตเชื่อมต่อที่ตัวเครื่อง และไม่ได้ต้องการกดดัน Apple แต่อย่างใด
สหภาพยุโรปยังกล่าวอีกว่า นับตั้งแต่ปี 2009 เรายังมีอะแดปเตอร์หรือหัวชาร์จถึง 30 แบบ ส่งผลให้เกิดขยะอิเล็กทรอนิกส์มากกว่า 5,000 ตันต่อปีเลยทีเดียว แต่เมื่อมีการผลักดันให้นโยบายหัวชาร์จแบบเดียวมาเป็นเวลานาน ตอนนี้ก็เหลืออะแดปเตอร์เพียง 3 แบบเท่านั้น
นอกจากนี้สหภาพยุโรปยังได้แถลงเพิ่มด้วยว่ายังไม่ได้ออกกฎหมายบังคับ เพียงแค่ต้องการชักจูงให้ผู้ผลิตเท่านั้น
ซึ่งแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่ได้บังคับเป็นข้อกฎหมายอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าสหภาพยุโรปจะผลักดันเรื่องนี้ให้กลายเป็นกฎหมายกันอย่างเต็มที่อยู่ดี
หากถามว่า ถ้าสหภาพยุโรปผลักดันให้เรื่องนี้กลายเป็นกฎข้อบังคับจนสำเร็จแล้ว Apple จะมีผลกระทบอะไรหรือไม่
คำตอบคือไม่ เพราะปัจจุบันนี้ Apple ก็มีเปลี่ยนอะแดปเตอร์หรือหัวชาร์จให้เป็นหัวชาร์จแบบต่อกับ Type-C อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น iPhone 11, iPad Pro รวมไปถึง MacBook ด้วย และคาดว่ารุ่นใหม่ ๆ ก็จะใช้แบบเดียวกันด้วย ซึ่งนั่นจะทำให้อุปกรณ์ Apple สามารถใช้อะแดปเตอร์หรือหัวชาร์จร่วมกันได้ทุกรุ่น ซึ่งเป็นสิ่งที่สหภาพยุโรปต้องการ
ที่มา gizmochina.com และ theverge.com