ชาวไทยได้ฉลองสักทีนะคะ เพราะว่า ฟีเจอร์ ECG หรือการวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจและการแจ้งเตือนหากจังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกตินี้ได้เปิดให้คนไทยได้ใช้กันแล้ว หลังจากที่ประเทศอื่น ๆ ทยอยได้ใช้งานมาตั้งแต่ปี 2018 ค่ะ
Apple Watch รุ่นที่รองรับฟีเจอร์ คือรุ่น 4, 5 และ 6 โดยต้องอัพเดตเป็น iOS 14.4 และ watchOS 7.3 เสียก่อนนะคะ แต่ว่าฟีเจอร์ ECG ไม่สามารถใช้งานกับผู้ใช้อายุต่ำกว่า 22 ปีนะคะ โดยการเริ่มใช้งานต้องกรอกวันเดือนปีเกิดลงไปด้วยค่ะ
แอพ ECG นี้จะวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจผ่านข้อมือและจะบันทึกจังหวะการเต้นของหัวใจเอาไว้ เช่น การเต้นที่เร็วเกิน การเต้นข้ามจังหวะ การเต้นที่ไม่สม่ำเสมอ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถแปลงเป็นไฟล์ PDF และส่งต่อให้แพทย์นำไปวิเคราะห์เพิ่มเติมต่อได้ทันที
นอกจากนี้แอพ ECG และคุณสมบัติแจ้งเตือนจังหวะชีพจรที่ไม่สม่ำเสมอนี้ก็ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมกาอาหารและยาแห่งประเทศไทยแล้ว โดยถูกจัดให้เป็นเครื่องมือการแพทย์ประเภท Class I อีกด้วยนะคะ นั่นหมายความว่ามีความน่าเชื่อถือพอสมควรค่ะ
แอพ ECG นี้สามารถอ่านจังหวะการเต้นของหัวใจแล้วแยกออกมาได้เป็น 4 รูปแบบคือ
- จังหวะไซนัส คือหัวใจเต้นปกติ 50 – 100 BPM
- AFib จังหวะการเต้นไม่สม่ำเสมอ 50 – 120 BPM
- อัตราการเต้นของหัวใจช้าหรือเร็ว ต่ำกว่า 50 BPM หรือสูงกว่า 120 BPM
- ไม่สามารถสรุปผลได้ ซึ่งอาจเกิดจากการวางแขนไม่ถูกต้องหรือมีปัญหาอื่น ๆ เพิ่มเติมจนไม่อาจบอกได้
หมายเหตุ BPM คือ beats per minute หมายถึงการเต้นของหัวใจกี่ครั้งต่อนาที
ซึ่งหากว่าผู้ใช้งานมีปัญหาจังหวะชีพจรไม่สม่ำเสมอ มีภาวะ AFib ก็อาจเป็นสาเหตุแรกเริ่มของอาการหลอดเลือดในสมองอุดตันได้นะคะ ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของโลกเลยด้วยค่ะ
การติดตั้งและตั้งค่าแอพ ECG
หากว่าเพื่อน ๆ ต้องการติดตั้งแอพ ECG ก็ต้องติดตั้งแอพ Health ของ Apple ด้วยค่ะ ทั้ง 2 แอพนี้จะถูกติดตั้งพร้อม ๆ กันค่ะ จากนั้นก็มาตั้งค่าแอพกันเลย
- เปิดแอพ Health ใน iPhone
- ตั้งค่าตามคำแนะนำบนหน้าจอ หรือไปยังแท็บ ค้นหา > หัวใจ > ไอคอนคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) > ตั้งค่าแอพ ECG ถ้าว่าแอพยังไม่ปรากฏขึ้นใน Apple Watch ใช้เปิดแอพ Watch ใน iPhone ล้วแตะที่ ‘หัวใจ’ จากนั้นก็กดติดตั้งได้เลย
วิธีการใช้งานแอพ ECG
- เปิดแอพ ECG ที่ Apple Watch
- วางแขนไว้บนโต๊ะหรือบนตักนิ่ง ๆ
- ใช้นิ้วมืออีกข้างซึ่งไม่ได้สวม Apple Watch 3 แตะลงบน Digital Crow เบา ๆ และค้างไว้โดยไม่จำเป็นต้องกดหรือออกแรงใด ๆ
- รอประมาณ 30 วินาที แอพจะทำงานควบคู่กับขั้วไฟฟ้าซึ่งอยู่ตรงผลึกบนฝาหลังของ Apple Watch เพื่อตรวจและประมวลผลว่าหัวใจของคุณมีอาการผิดปกติใด ๆ หรือไม่