สำหรับท่านที่เพิ่งได้ iPhone 5 มาใช้งานเป็น iPhone เครื่องแรก แล้วไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี ก็ลองอ่านได้ตามด้านล่างนี้เลยจ้า
รู้หรือไม่ว่าการที่ iPhone กลายเป็นโทรศัพท์ยอดฮิตในตอนนี้นั้น ไม่ใช่เพราะจากรูปทรงที่สวยงาม (จริงๆ ก็อาจจะส่วนนึง) หรือเพราะตัวเครื่องมีเทคโนโลยีล้ำยุคแซงหน้าโทรศัพท์รุ่นอื่นๆ แต่อย่างใด แต่เป็นเพราะระบบต่างๆ ที่ Apple ออกแบบและสร้างขึ้นมาให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้ง่าย และมีประโยชน์
เรื่องวิธีการใช้งานตัวเครื่องเบื้องต้นเช่นการใช้โทรศัพท์, ส่ง SMS, ส่ง Email หรือแอพพื้นฐานต่างๆ เราจะไม่ขอพูดถึงตรงนี้ เพราะวิธีใช้งานเบื้องต้นนี้สามารถหาศึกษาได้ทั่วไปทั้งจากในเนต หรือถามตามศูนย์บริการค่ายมือถือทุกค่าย รวมถึง iStudio สาขาต่างๆ ได้ง่ายอยู่แล้ว
สิ่งที่จะเน้นกันในบทความนี้คือเรื่องของบริการออนไลน์ต่างๆ ที่ Apple ทำเอาไว้เพื่อเพิ่มความสามารถให้กับ iPhone และอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้เช่น iCloud, App Store, iTunes Store, iBooks Store, Game Center, FaceTime และ iMessage ซึ่งบริการเหล่านี้ล้วนเป็นบริการที่สามารถใช้งานได้ฟรีทั้งหมด เพียงแค่ต้องทำการสมัคร Apple ID ก่อนใช้งานเท่านั้น (และมีเสียตังบ้างในบางกรณีเช่นค่าอัพเกรด หรือซื้อแอพที่ไม่ฟรี)
บริการที่ว่ามาเหล่านี้คืออะไร และใช้ทำอะไรได้บ้าง?
iCloud – บริการนี้เป็นบริการฟรีที่ดีมาก อยากจะให้ทุกคนได้ใช้กัน เพราะหน้าที่หลักๆ ของมันคือช่วยสำรองข้อมูลส่วนตัวต่างๆ เช่น สมุดโทรศัพท์, ปฏิทินนัดหมาย, Notes, รูปภาพที่เราถ่ายเอาไว้ (เรียกว่า Photo Stream จะสำรองให้ 1,000 รูปล่าสุดใน Camera Roll โดยจะเริ่มสำรองเมื่อเครื่องทำการต่อ Wi-Fi), และไว้ใช้ติดตามเครื่องหรือสั่งล็อคเครื่องเมื่อเครื่องหายได้ด้วย
สนใจเปิดใช้ก็เข้าไปที่ไอคอน Settings -> iCloud (การตั้งค่า -> iCloud) ครับ
App Store – เป็นจุดเด่นที่สุดของ iPhone เลยก็ว่าได้ เพราะใน App Store นี้เราสามารถเลือกลงแอพต่างๆ เพื่อเพิ่มความสามารถให้เครื่องเราได้มากมาย มีทั้งแอพฟรี และแอพเสียเงิน โดยปัจจุบันใน App Store มีแอพมากกว่า 700,000 แอพ ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ แอพยอดนิยมในไทยที่ใช้กันเยอะๆ ก็เช่น LINE, WhatsApp, Facebook, Instagram หรือถ้าเป็นเกมยอดนิยมก็เช่น Angry Birds, Hay Day, Cut the Rope และก็ยังมีแอพส่วนนึงที่แฟนเพจแนะนำกันเข้ามาด้วย
เรื่องการโหลดแอพนี้เป็นอะไรที่หลายคนต้องการจะทำด้วยตัวเองมาก แต่บางท่านไม่รู้จะเริ่มยังไง จึงจบด้วยการให้เพื่อนลงให้ หรือไปให้ตามร้านมือถือลงให้ ซึ่งจริงๆ ไม่ยากเลย เพียงแค่สมัคร Apple ID ก่อน เราก็จะโหลดแอพฟรีได้ทันที ซึ่งถ้าตามตัวอย่างเข้าไปจะเป็นวิธีการสมัครของ US เพราะว่าสำหรับคนที่ไม่มีบัตรเครดิต ต้องการจะซื้อแอพที่ไม่ฟรีสามารถใช้ iTunes Gift Card เติมซื้อแทนได้ แต่สำหรับท่านที่มีบัตรเครดิตอยู่แล้ว ตอนสมัครก็เลือกประเทศเป็น Thai ตอนสมัครได้เช่นกัน
เกือบลืมบอกไปว่าแอพที่โหลดหรือซื้อมาแล้วนั้น สามารถอัพเดทและโหลดซ้ำด้วย Apple ID อันเดิมได้ตลอดฟรีไม่มีเสียเงินรอบสองนะครับ ฉะนั้นถ้าเห็นแอพไหนที่มีการลดราคาหรือจัดโปรโมชั่นแจกฟรีชั่วคราว ให้รีบโหลดมาเก็บไว้ก่อน เพราะพอตอนมันเปลี่ยนเป็นคิดเงินเหมือนเดิม เราก็ยังโหลดซ้ำฟรีได้เพราะเราเคยโหลดมาแล้วครับ และก็แนะนำให้โหลดแอพ AppShopper มาเก็บติดเครื่องกันไว้ เพราะแอพนี้จะคอยอัพเดทโปรโมชั่นแอพต่างๆ ตลอดเวลาครับ
หากต้องการตั้งค่าเกี่ยวกับ Apple ID ที่ใช้โหลดแอพ ให้เข้าไปได้ที่ Settings -> iTunes Store and App Store (การตั้งค่า -> iTunes Store และ App Store) ครับ
iTunes Store – สำหรับ iTunes Store จะเป็นส่วนที่ให้เราได้เข้าไปเลือกซื้อเพลงกับหนังต่างๆ ได้ ส่วนใหญ่จะต้องเสียเงินหมด แต่บางทีก็อาจมีเพลงฟรีๆ มาแจกให้โหลดเช่นกัน วิธีการชำระเงินก็ต้องใช้ iTunes Gift Card หรือบัตรเครดิตเช่นกัน และสำหรับท่านที่ใช้ US Apple ID ก็จะมีพวกหนังซีรีย์ฝรั่งให้เลือกซื้อด้วย เหมาะมากสำหรับคนที่ติดหนังซีรีย์ครับ
หากต้องการตั้งค่าเกี่ยวกับ Apple ID ที่ใช้โหลดเพลงหรือหนัง ให้เข้าไปได้ที่ Settings -> iTunes Store and App Store (การตั้งค่า -> iTunes Store และ App Store) ครับ
iBooks Store – เป็นร้านหนังสือออนไลน์ที่เราสามารถโหลดหรือซื้อหนังสือมาอ่านเล่นได้ ถึงแม้ว่า iBooks จะเป็นบริการพื้นฐานจาก Apple ก็จริง แต่ตัวเครื่อง iPhone ก็ไม่ได้มีติดแอพนี้มาให้ด้วย ฉะนั้นท่านที่สนใจต้องเข้าไปโหลด iBooks จากใน App Store ด้วยตัวเองอีกที เมื่อโหลดแล้วก็ให้ทำการเปิดแอพเข้าไปลองเลือกชมเลือกโหลดหนังสือที่สนใจได้เลยครับ
สำหรับ Thai Apple ID นั้นจะมีแต่หนังสือฟรีให้โหลดในตอนนี้ แต่ถ้าใช้ US Apple ID จะมีหนังสือเรียน หนังสือนิยายต่างๆ ให้เลือกโหลดกันด้วยครับ
Game Center – แอพนี้สำหรับคนที่ชอบเล่นเกมโดยเฉพาะครับ โดยในตัวแอพจะเป็นการจัดอันดับว่าเกมไหนเราอยู่อันดับไหน เพื่อนเราอยู่อันดับไหน และก็ท้าแข่งเกมกันได้ด้วย การจะใช้บริการนี้ได้ต้องมี Apple ID ก่อนเช่นกัน และประเทศของ Apple ID ไม่มีผลเรื่องความแตกต่างในการใช้งานครับ
FaceTime – เป็นบริการการคุยกันแบบเห็นหน้ากัน (Video Call) สำหรับการใช้งาน FaceTime บน iPhone นั้นไม่จำเป็นต้องใช้ Apple ID ก็ได้ แล้วระบบจะใช้เบอร์โทรของเราเป็นเบอร์สำหรับ FaceTime ให้เอง แต่ถ้าต้องการให้โทร FaceTime ด้วย Email ได้ ก็ต้องใช้ Apple ID เพื่อล็อคอินให้เรียบร้อยก่อนครับ ซึ่งตรงนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับท่านที่มีทั้ง iPhone และ iPad เพราะถ้าลงทะเบียนด้วย Apple ID แล้ว เวลามีคนเรียก FaceTime เข้ามา มันก็จะดังที่ทั้งสองเครื่องเลย ก็เลือกรับกันได้ตามแต่สะดวกครับ
วิธีการตั้งค่า FaceTime ให้เข้าไปที่ Settings -> FaceTime (การตั้งค่า -> FaceTime) นะครับ
iMessage – อันนี้หลักการทำงานจะเป็นเหมือน FaceTime เลยคือจะใช้หรือไม่ใช้ Apple ID ก็ได้ ถ้าไม่ใช้ การที่จะมีคนส่ง iMessage มาหาเราก็ต้องส่งมาที่เบอร์ของเราเท่านั้น แต่ถ้าใช้ก็สามารถส่งมาที่ Email แทนได้เช่นกัน
วิธีตั้งค่า iMessage ให้เข้าไปที่ Settings -> Messages (การตั้งค่า -> ข้อความ) ครับ
สรุป
จากที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่าการจะใช้ iPhone 5 ให้คุ้มค่านั้น ควรจะมี Apple ID เป็นของตัวเองอย่างยิ่งครับ เพราะบริการต่างๆ ที่ Apple สร้างไว้ให้ iPhone นั้นต้องใช้ Apple ID ทุกตัว
แม้ว่าบางท่านที่อาจตัดสินใจให้ร้านลงแอพให้แต่อย่างน้อยๆ ท่านก็ควรมี Apple ID ไว้ใช้บริการ iCloud เพื่อทำการสำรองข้อมูลสำคัญๆ เช่นสมุดโทรศัพท์เอาไว้ เพราะเหตุไม่คาดฝันมักเกิดได้ทุกเมื่อ ถ้าเครื่องเกิดเสียหรือหายขึ้นมาจริงๆ ยังไงข้อมูลก็ยังอยู่ครับ อ่านวิธีสมัคร Apple ID
อ่านจบแล้วก็อย่าลืมเข้าไปกด Like เพื่อติดตามข่าวสารแอพและอัพเดทต่างๆ ได้ที่เพจของ IGC.in.th นะครับ
