เมื่อคืนนี้ Apple ได้จัดงานเปิดตัวสินค้าและใหม่อย่างเป็นทางการโดยสินค้าและบริการใหม่ที่เปิดตัวก็เป็นไปตามข่าวลือที่ลือกันมาก่อนหน้านี้แล้วเช่น iPhone 6 ขนาดหน้าจอ 4.7″ และ 5.5″, บริการ Apple Pay บริการชำระค่าสินค้าผ่านมือถือ และนาฬิการอัจฉริยะ Apple Watch
http://www.youtube.com/watch?v=FglqN1jd1tM
เรื่องของหน้าจอ สำหรับ iPhone 6 ที่ทุกคนรอคอยนี้ทาง Apple จะก็เปิดตัวมาสองรุ่นสองขนาดหน้าจอตามคาด โดย
- iPhone 6 จะมีขนาดหน้าจอ 4.7″ มีความละเอียดหน้าจอ 1334×750 pixels
- iPhone 6 Plus จะมีขนาดหน้าจอ 5.5″ มีความละเอียดหน้าจอระดับ Full HD 1920×1080 pixels
ความบาง ใน iPhone 6 นี้ นอกจากการ Apple จะพัฒนาคุณสมบัติต่างๆ ให้มากขึ้นแล้ว ทาง Apple ยังออกแบบให้ iPhone 6 นี้มีขนาดบางลงกว่ารุ่นก่อนอีกด้วย โดยรุ่น 4.7″ จะบางเพียงแค่ 6.9 มม. และรุ่น 5.5″ จะบาง 7.1 มม. ถ้าเทียบกับ iPhone 5s ที่หนา 7.6 มม. พบว่าจะบางลงไปถึงเกือบ 10% เลยทีเดียว
ความละเอียดจอ ด้วยขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นนี้เอง Apple ก็ได้ทำการเพิ่มความละเอียดหน้าจอให้สูงขึ้นเพื่อให้สามารถใช้พื้นที่บนจอได้มากขึ้น โดยเฉพาะ iPhone 6 Plus จะมีความสามารถในการใช้แอพแนวนอนมากคล้ายๆ iPad เลย แอพจะสามารถแบ่งออกเป็นสองส่วนซ้ายและขวาได้ (ตามภาพ)
ความแรง ทางด้านความแรงของตัวเครื่อง ทาง Apple บอกว่าในชิพ A8 ใหม่ที่ใช้กับ iPhone 6 นี้
- CPU จะแรงกว่า A7 ใน iPhone 5s ถึง 25%
- GPU จะแรงกว่า A7 ใน iPhone 5s ถึง 50%
- อัตราการกินไฟดีขึ้น (ประหยัดแบตขึ้น) มากแค่ไหนไม่ได้บอกไว้
กล้องที่ได้รับการพัฒนาขึ้น กล้องของ iPhone 6 ก็ได้รับการออกแบบใหม่ ตัวเซนเซอร์จะรองรับ Focus Pixels ที่ใช้กันในกล้องระดับ DSLR แต่สำหรับ iPhone 6 Plus จะพิเศษหน่อยตรงที่มีระบบ OIS กันสั่นเข้ามาให้ด้วย
เรื่องของแบต เรื่องที่ทุกคนคาดหวังกันมากคือเรื่องของแบตเตอรี่ จากข้อมูลที่ Apple ให้มาจะเห็นว่า iPhone 6 นั้นจะแบตทนขึ้นกว่าเดิมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในขณะที่ iPhone 6 Plus จะแบตทนขึ้นกว่าเดิมมาก
สรุป สเปคคร่าวๆ ของ iPhone 6 มีดังนี้ครับ
- ใช้ชิพ A8 แบบ 64-bit และชิพ M8 สำหรับตรวจจับการเคลื่อนไหว
- ไม่มีรุ่นความจุ 32 GB แล้ว มีเป็น 16/64/128 GB
- iPhone 6 หนัก 129 กรัม ส่วน iPhone 6 Plus หนัก 172 กรัม
- iPhone 6 ความละเอียดหน้าจอ 1334×750 pixels 326 ppi
- iPhone 6 Plus ความละเอียดหน้าจอ 1920×1080 pixels 401 ppi
- กล้องหลัง 8 ล้านพิกเซลเท่าเดิม แต่พัฒนาเรื่องคุณภาพขึ้น ทำให้ภาพชัดขึ้นคมขึ้น
- เพิ่มถ่ายวีดีโอความละเอียด 1080p ที่ 60 fps ได้ (จากเดิมได้แค่ 30 fps)
- เพิ่มถ่ายวีดีโอ Slo-mo ที่ 240 fps ได้ (จากเดิมได้แค่ 120 fps)
- กล้องหน้าเพิ่มโหมดถ่ายรัวเข้ามา (Burst mode)
- รองรับบริการ Apple Pay ด้วย Touch ID และ NFC ที่ฝังเข้ามาด้านบนของตัวเครื่อง
- รองรับ Wi-Fi แบบ 802.11ac ที่เร็วกว่า 802.11n ถึง 3 เท่า
- รองรับ LTE มากถึง 20 คลื่นความถี่ และความเร็วสูงสุด 150 Mbps
- รองรับ VoLTE
- เพิ่มเซนเซอร์วัดแรงกดอากาศ Barometer
- แบตทนขึ้น!